
จดหมายขยะ (สแปมเมล) นับว่าเป็นอีกปัญหาใหญ่ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนมักจะถูกรบกวน
และทำให้ตู้รับจดหมายอีเมลเราเต็มไปด้วยจดหมายโฆษณาที่เราไม่ต้องการ
ก่อให้เกิดความรำคาญกับผู้ที่ใช้งาน
และอาจยังมีภัยคุกคามอื่นแอบแฝงมาพร้อมกับจดหมายเหล่านี้ด้วย เช่น ไวรัส, สปายแวร์,
หรือแม้แต่กลลวงทางการเงิน (Phishing)
หลายคนคงสงสัยว่าสแปมเมลคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือ
แสปมเมลเป็นการส่งอีเมลจำนวนมากๆ ในแต่ละครั้งหนึ่ง หรือทะยอยส่ง
แต่ส่งจำนวนมากฉบับ สำหรับวัตถุประสงค์ในการส่งนั้น มีหลากหลาย
ตั้งแต่การโฆษณาสินค้า เว็บไซต์ลามก การพนันออนไลน์ การโจมตีระบบ การกลั่นแกล้ง
ชักจูงใจต่างๆ รวมถึงการหลอกเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคล และขโมยเงิน
ตัวอย่างสแปมเมลที่เป็นการหลอกลวง เช่น
อีเมลส่งมาว่าผู้รับโชคดีถูกรางวัลล็อตเตอรี่จากต่างประเทศ
แต่ในการที่จะไปรับมูลค่าตั้งหลายพันล้านนั้นก็จะต้องมีการโอนเงินค่าภาษีไปชำระก่อนล่วงหน้า
เพื่อการคงสิทธิ์ในเงินรางวัลก้อนนี้เอาไว้
เมื่อเราได้ดำเนินการโอนเงินไปให้เรียบร้อยแล้ว
อีเมลนั้นก็เงียบหายไม่เคยติดต่อกับมาอีกเลยเป็นต้น
หรืออีเมลที่อ้างว่าส่งมาจากธนาคาร และหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินบนเว็บไซต์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา
กฎหมายใช้ในการเอาผิดกับสแปมเมลคือ
พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 11 “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว
อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท” (มีแต่โทษปรับไม่มีโทษจำคุก)
ส่วนกรณีที่สแปมเมลสร้างความเสียหายดังเช่นตัวอย่างข้างต้น
ก็สามารถนำกฎหมายอาญาเรื่องการฉ้อโกง มาตรา 341 คือ “ผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ
หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม
รวมถึงการหลอกลวงให้ทำ ถอน หรือ ทำลายเอกสารสิทธิ ผู้ที่กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ” มาใช้เพื่อเพิ่มบทลงโทษได้
ข้อแนะนำสำหรับการป้องกันสแปมเมล
วิธีที่ดีสุดคือการที่ป้องกันไม่ให้คนที่ไม่รู้จักได้รู้อีเมลแอดเดรสของเรา
ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.ไม่ตอบกลับอีเมลที่ส่งมาเพราะเท่ากับเป็นการยืนยันอีเมลแอดเดรสของคุณและทำให้คุณตกเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น
2.ไม่ควรใช้อีเมล์แอดเดรสที่ใช้ในองค์กร หรือที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ในการลงทะเบียนใดๆ บนอินเตอร์เน็ต
3.ไม่ซื้อสินค้าใดๆที่โฆษณาทางสแปมเมลเพราะจะทำให้ผู้ส่งสแปมเมลใช้วิธีนี้ส่งมาเรื่อยๆ
4.ถ้าเมื่อใดที่เจออีเมลประเภทสแปมเมลหลอกลวง ให้ทำการส่ง Header หรือหัวจดหมายของอีเมลฉบับนั้น
ไปให้กับทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ที่ใช้งานอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น